วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2563

กระแสน้ำวิตามินแรง!! พาเหรดเข้าตลาดโค้งสุดท้ายของปี รับเทรนด์รักสุขภาพ

               ปัจจุบัน เทรนด์รักสุขภาพปลุกกระแส “น้ำดื่มผสมวิตามิน” หรือ  " Water Plus"  เป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพของผู้บริโภค ด้วยลักษณะ-ของน้ำดื่มบรรจุขวดมีความใสเหมือนน้ำเปล่า ไม่มีสี ผสมวิตามินบางยี่ห้อแต่งกลิ่นเพิ่มเติมเพื่อสร้างความสนใจและอรรถรสในการดื่มให้กับผู้บริโภค จนเกิดเป็นกระแสบอกต่อและมีการสื่อสารทางการตลาดทำให้ขายดิบขายดีขึ้นมา ทำให้มูลค่าตลาดน้ำดิ่มผสมวิตามินมีการเติบโตอย่างมาก ซึ่งที่มาสาเหตุมาจากอะไรบ้าง ได้มีการรวบรวมประเด็นไว้ดังนี้ 

1. กระแสการดูแลสุขภาพของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมารวมถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน ซึ่งจากข้อมูลของ Kantar Worldpanel มีการอธิบายถึงพฤติกรรมการบริโภคในไทย พบว่า คนไทยมีแนวโน้มการซื้อผลิตภัณฑ์เรื่องดื่มหวานน้อยและไม่หวานเพิ่มขึ้น เฉลี่ย 5.1 ครั้งต่อปี เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 4.97 ครั้งต่อปี

2. สถานการณ์โควิด-19 ช่วงต้นปี 2563 นี้เป็นปัจจัยที่เร่งกระตุ้นให้ผู้บริโภคตื่นตัวและปรับตัวในการใช้ชีวิต รวมถึงการดูแลสุขภาพทั้งเรื่องของการออกกำลังกาย การเลือกซื้ออาหารเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานมากขึ้น  

3. การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากค่าความหวาน  ที่ทำผู้ประกอบการต้องแบกรับต้นทุนสินค้าที่สูงขึ้น จึงจำเป็นต้นหาทางออกสินค้าใหม่หรือปรับสูตรใหม่ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องต้นทุนสินค้าและตอบโจทย์กระแสการดูแลสุขภาพของผู้บริโภคด้วย เช่น การออกสูตรน้ำตาลน้อย หรือไม่มีน้ำตาล  เป็นต้น  

4. ภาพรวมของมูลค่าตลาดน่้ำดื่มในประเทศไทย (ช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา มค-ส ค 63) 

   - มูลค่าตลาดน้ำดื่ม 18,956 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตลดลง -6.3%

   - มูลค่าตลาดน้ำแร่ 3,850 ล้านบาท มีอัตรการเติบโตลดลง -24% 

    -มูลค่าตลาดน้ำดื่มผสมวิตามิน 1,250 ล้านบาท  มีอัตราการเติบโต +75% 

     ถึงแม้จะมีมูลค่าตลาดที่สูงนักเมื่อเทียบกับมูลค่าตลาดน้ำดิ่มและน้ำแร่ แต่มีการเติบโตที่สวนกระแสกับมูลค่าตลาดน้ำดื่มและน้ำแร่ที่มีอัตราการเติบโตลดลง และระยะแรกนั้นมีผู้เล่นในตลาดนี้ไม่มากนัก

           
จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้นนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทำให้ตลาดน้ำดื่มผสมวิตามินเป็นที่สนใจและดึงดูดให้ผู้ประกอบการหลายรายพร้อมตบเท้าก้าวเข้ามาเล่นในตลาดนี้ 


ปัจุบันผู้เล่นในตลาดน้ำดื่มผสมวิตามิน มีใครบ้าง???

     
     ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ ของ บริษัท ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ บริษัทในเครือของ โรงพยาบาลยันฮี ซึ่งถือเป็นผู้บุกเบิกตลาดน้ำดื่มผสมวิตามินรายแรกๆในเมืองไทย เกิดจากแนวคิดของแพทย์ที่การต้องการดูแลผู้ป่วยให้มีสุขภาพที่แข็งแรง และรูปทรงของขวดที่มีเอกลักษณ์สะดวกต่อการพกพาและสร้างการจดจำได้ง่าย ในขนาด 460 มิลลิลิตร ราคา 17 บาท  มี 2 สูตร คือ ช่วงแรกออก วิตามินบี 3 6 และ 12 ผสมเก๊กฮวยสกัด  ด้วยรสชาติและการแนะนำจากลูกค้าสู่ลูกค้าจนทำให้เกิดกระแสการบอกต่อและได้รับกระแสตอบรับที่ดี และตามด้วย วิตามินซี 200% ผสมเฉาก๊วยสกัด   

    
  B'lue (บลู) ของบริษัทร่วมทุนระหว่างเซปเป้และดานอน เพื่อรุกตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพในไทย ที่มีน้ำดื่มผสมวิตามินบีที่มีรสชาติและมีความหลากหลายของรสชาติต่างๆเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค  ถึง 5 รสชาติ ได้แก่ พีช แพร์ คาลาแมนซี่ ลิ้นจี่ และแคกตัส ในขนาด 500 มิลลิลิตร ราคา 25 บาท 

  

      วิดอะเดย์ วิตามินวอเตอร์  ของเจอเนอรัล เบฟเวอเรจ จำกัด ที่ชูจุดเด่นในเรื่องของวิตามินจากประเทศอังกฤษ   มี 3 สูตรได้แก่ วิอะเดย์วิตามินบีรวม  และ วิดอะเดย์ วิตามินซี 200% กลิ่นเลมอน และกลิ่นพีช ในขนาด 480 มิลลิลิตร ราคา 17 บาท

     พีเอช พลัส 8.5 น้ำด่างที่มีการผสมวิตามิน B และ อิชิตัน วิตามิน วอเตอร์ C 200 พลัส E  ของ อิชิตัน ที่เพิ่งจะเปิดตัวไป ซึ่งน้ำด่างพีเอช พลัส 8.5 นอกจากชูความเป็นน้ำด่างแล้วยังมีส่วนผสมของวิตามินบีที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย และอิชิตัน วิตามิน วอเตอร์ C200 พลัส E ก็เป็นการนำเอาวิตามินซี และ อี มารวมกันในขวดเดียวเพื่อสรา้งคุณค่าเพิ่มในการตอบโจทย์กาบริโภคของลูกค้า  ซึ่งทั้ง 2 สูตร มีขนาด 550 มิลลิลิตร ราคา 20 บาท และยังมีขนาดเล็ก ที่สำหรับจำหน่ายในช่องทางร้านค้าโชห่วยอีกด้วย ทางคุณตันได้ตั้งใจกลับมาเริ่มรุกตลาดเครื่องดื่มรักสุขภาพอย่างจริงจัง พร้อมกับให้มุมมองของตลาดน้ำดื่มผสมวิตามินนี้มีลักษณะเหมือนกับตลาดชาเขียวในช่วงเริ่มต้น 


          ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 นอกจากผู้เล่นหลักๆ ทั้ง 4 รายแล้ว ยังมีน้ำดื่มผสมวิตามินแบรนด์อื่นๆ ที่จะเข้ามาสร้างความคึกคักให้กับตลาดน้ำดื่มผสมวิตามินนี้อีกหลายราย  ได้แก่

     อควาวิทซ์ บาย เจเล่ วิตามิน มิเนอรัล วอเตอร์ เป็นแบรนด์น้ำดื่มผสมวิตามินหน้าใหม่ แบรนด์ใต้ร่มเงาของ “เจเล่” ของบริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน)  ชูจุดเด่นความเป็นน้ำแร่ผสมวิตามินบี 200% แร่ธาตุ 7 ชนิด และค่าความเป็นด่าง หรือ ph 7++ ในขนาด 400 มิลลิลิตร ราคา 15 บาท

   เพอร์ร่า วิตามิน วอเตอร์  จากค่าย  "สิงห์ " ที่โดดลงมาเล่นในตลาด น้ำดื่มผสมวิตามิน ซึ่ง มีส่วนผสมทั้งวิตามินซี 200% และ วิตามินบี 1 3 5 6 และ 12  และเป็นวิตามินที่นำเข้าจากประเทศเยอรมัน ในขนาด 500 มิลลิลิตร ราคา 17 บาท ต่สินค้าตัวนี้ ทางสิงห์ได้จ้างผลิตผ่านบริษัท โตโย ไซกัน(ประเทศไทยจำกัด ผู้ผลิตรายใหญ่ในวงการเครื่องดื่ม โดยการผลิตอยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อการันตีคุณภาพและชื่อชั้นของแบรนด์


ดี อาร์ ดริ๊งค์ วิตามินวอเตอร์  อีกหนึ่งรายน้องใหม่ คือ ดี อาร์ ดริ๊งค์ วิตามิน วอเตอร์ ขนาด 500 มิลลิลิตร ราคา 18 บาท  น้ำดื่มผสมวิตามินซีสูง 200% และมีวิตามินบีต่างๆ จุดเด่นคือบรรจุภัณฑ์สีฟ้าสะดุดตา มีฝาสำหรับคล้องนิ้วคล้ายกับน้ำดื่มผสมวิตามินเจ้าต้นตำรับ ยันฮี วิตามิน วอเตอร์ 


            จากตลาด Blue Ocean ที่เคยมีผู้เล่นเพียงไม่กี่ราย ปัจจุบันได้กลายเป็นตลาด Red Ocean เป็นที่เรียบร้อยแล้วและยังคงดึงดูดให้ผู้ประกอบการเจ้าอื่นๆเข้ามาในตลาดนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนาทีนี้ผู้เล่นในตลาดน้ำดิ่มผสมวิตามิน คงต้องเตรียมปรับกลยุทธ์และงัดกลยุทธ์ต่างๆนาๆ เพื่อป้องกันและรักษาความเป็นผู้นำในตลาด และช่วงชิงลูกค้าเพื่อให้ครองส่วนแบ่งทางการตลาดให้ได้มากที่สุด คงต้องออกแรงกันอย่างหนักหน่วงในช่วงโค้งสุดท้ายและต่อไปในปี 2564 อีกด้วย  

         ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินมูลค่าตลาดน้ำดื่มผสมวิตามินไว้เมื่อเดือน กย 63 ว่าในปีนี้คาดการณ์ตลาดเครื่องดื่มผสมวิตามินในไทยจะมีมูลค่าประมาณ 5,500 ล้านบาท และในปี 2564 น่าจะขยับขึ้นไปที่ 6,000 - 7,000 ล้านบาท

        

                                                                                               

                                                                                                     #การตลาด101




ที่มา : การตลาด101 รวบรวม

.........................................

ติดตามสรุป ประเด็น บทความ เนื้อหาสาระอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่

🌎 Facebook: https://www.facebook.com/Marketing101th



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น